รวบรวมคำสอนของ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คติเตือนใจตนให้มีสติ
วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556
เพลง ในหลวงของแผ่นดิน
ตั้งแต่เล็กจนโตจำได้ทุกอย่าง ใต้ร่มพระบริบาลสุขสราญด้วยความร่มเย็น
แผ่นดินนี้คือบ้าน คือแดนสวรรค์แสนสุขใจ มีทุกอย่างที่ดีเพราะใคร
" ฉันจะไม่ลืม "
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา
จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...
เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น
ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...
เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา
ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...
เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา
ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..
เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
ปล่อย
อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา
ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...
ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา
จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา
ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...
ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...
เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา
จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
คนเราสร้างกรงขังให้ตัวเองด้วยความไม่รู้
… คนเราสร้างกรงขังให้ตัวเองด้วยความไม่รู้ เมื่อรู้ว่าสร้างกรงขังแล้วจะต้องไปทุกข์ทรมานอึดอัดคับแคบอยู่ในกรงขังก็ย่อมเลิกสร้างกรงขัง ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อเป็นผู้รู้เรื่องกรรมวิบากอย่างแจ่มแจ้ง บุคคลย่อมไม่ทำกรรมอันเป็นไปเพื่อความเดือดร้อนของตนเองในภายภาคหน้า มีแต่จะเร่งรุดทำกรรมอันเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและคนที่รักรอบข้างแต่ถ่ายเดียว (บทที่ ๑๐)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
คนทั้งหลายเป็นโรคหวงทุกข์ ชอบกักขังหน่วงเหนี่ยวทุกข์ไว้กับใจ
… คนทั้งหลายเป็นโรคหวงทุกข์ ชอบกักขังหน่วงเหนี่ยวทุกข์ไว้กับใจด้วยวิธีคิด พูดง่าย ๆ เป็นโรคคิดมากกัน วิธีหายจากโรคนี้ก็คือฉีดยาแห่งความจริงเข้าสู่ทุกอณูของจิตวิญญาณ ให้มีปัญญาประจักษ์แจ้งเต็มรอบ ว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วดับลงเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะของใหญ่หรือของย่อย ถึงหวงไว้มันก็จะดับ ถึงไม่หวงไว้มันก็ต้องดับอยู่วันยังค่ำ (บทที่ ๑๐)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เมื่อเห็นความจริงในระดับของกรรมทางความคิดมากเข้า
… เมื่อเห็นความจริงในระดับของกรรมทางความคิดมากเข้า เราก็จะยิ่งเชื่อที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเดินทางไปเรื่อย ๆ ในสังสารวัฎนั้น ไม่มีทางหนีพ้นนรกไปได้ เพราะจิตคนพร้อมจะไหลลงต่ำ ความคิดอันเป็นอกุศล พร้อมจะปรากฏขึ้นชักจูงเราไปสู่อบายเสมอ (สรุปตติยบรรพ)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ความรู้ทางโลกไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งค้นพบก็ยิ่งแตกแขนงล่อใจ
… ความรู้ทางโลกไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งค้นพบก็ยิ่งแตกแขนงล่อใจให้ค้นคว้าต่อมากขึ้นทุกที แต่ความรู้ทางธรรมนั้นมีที่สุด เพียงเลิกส่งใจออกไปใส่เรื่องข้างนอก แต่ค้นหาที่มาที่ไปของประสบการณ์ทั้งมวล ตั้งคำถามไว้ถูกเป้าใหญ่สุด ประพฤติปฏิบัติตรงทางอันจะนำไปสู่คำตอบอันจริงแท้ที่สุด นั่นแหละคือที่สุดทุกข์ นั่นแหละคือการไม่ต้องทำกิจอันใดเพิ่มเติมเพื่อความดับทุกข์อีก (สรุปตติยบรรพ)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ความไม่รู้ตามจริง ความไม่มีชัยภูมิให้จิตวิญญาณตั้งมั่นอย่างชัดเจน
… ความไม่รู้ตามจริง ความไม่มีชัยภูมิให้จิตวิญญาณตั้งมั่นอย่างชัดเจน ความหลงคลำทางกันเอาเองจนท้อแท้โรยแรง ล้วนเป็นเหตุให้คนเราถูกสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายกลืนกินอย่างง่ายดาย (บทที่ ๙)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าใครสามารถกล่าวมุสาได้โดยปราศจากความละอาย
… พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าใครสามารถกล่าวมุสาได้โดยปราศจากความละอาย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่มีบาปกรรมใดแม้แต่หนึ่งเดียวที่เขาจะทำไม่ลง
ความละอายจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด เป็นองค์ประกอบสำคัญสูงสุดในการถือ กำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ตราบใดยังมีความละอาย ไม่อยากทำบาป ไม่นึกสนุกติดใจใน กรรมชั่ว ก็เรียกว่าเขายังพอมีพื้นของความเป็นมนุษย์อยู่ แต่หากทำบาปได้แบบไม่ ต้องกะพริบตา เช่นพูดโกหกมดเท็จปั้นน้ำเป็นตัวได้คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ นั่น แหละคือเขาขาดองค์ประกอบพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
คนส่วนใหญ่มองว่าการโกหกเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องสามัญที่ทุกคนต้องทำ อาจจะโกหกนิด ๆ หรืออาจจะโกหกมาก ๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บีบคั้น ไม่ ตระหนักกันเลยว่าถ้าทำเป็นประจำจนชิน ในที่สุดก็จะหมดความละอาย และเมื่อใด หมดความละอายในการโป้ปดมดเท็จ เมื่อนั้นจิตวิญญาณจะด้านชาต่อบาป เหมือนมี อะไรมาบังตาไม่ให้เห็นตามจริงไปเสียหมด ที่ตามมาก็คือการทำบาปได้ไม่เลือก เพราะตัวมุสามันบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ขอให้เอาดีเข้าตัวได้เป็นพอ
หากถามตัวเองแล้วได้คำตอบว่าเราสามารถโกหกโดยไม่ละอาย ก็นับว่าคำถาม คำตอบนี้น่ากลัวยิ่ง เพราะเราไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่าตัวเองเผลอก่อบาปก่อกรรม หนัก ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์มานานแค่ไหน เมื่อไม่มีความละอายบาปอันเป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ก็แทบทำนายได้ว่าต้องหลุดร่วงจากสุคติภูมิแน่อยู่
แล้ว แต่นี่ไปก่อบาปก่อกรรมโดยไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมเข้าให้อีก มิแปลว่ามีสิทธิ์ถูก เหวี่ยงลงต่ำไปถึงพื้นนรกกันหรอกหรือ? (บทที่ ๙)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ถ้ารักตัวเองแล้ว ก็ไม่ควรก่อบาปทั้งปวง
… พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ถ้ารักตัวเองแล้ว ก็ไม่ควรก่อบาปทั้งปวง เพราะความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทำชั่วจะได้พบโดยง่าย เมื่อบุคคลถูกมรณะครอบงำ ละทิ้ง
ภพมนุษย์นี้ไป ก็มีอะไรเป็นสมบัติของเขาเล่า? เขาย่อมพาเอาอะไรไปด้วยเล่า? อะไรเล่าจะติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป? ผู้ที่มาเกิดแล้วจำจะต้องตายในโลกนี้ ไม่ว่าจะทำกรรมอันใดไว้ ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป บุญและบาปนั้นแลเป็นสมบัติของเขา เขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไป บุญและบาปนั้นย่อมติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป ฉะนั้นทุกคนควรทำกรรมอันดีสะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก (สรุปทุติยบรรพ)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
มีหลายสิ่งที่เราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง
… มีหลายสิ่งที่เราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงมาชั่วกัปชั่วกัลป์ ดังเช่นหลายคืนเราไม่อยากตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย แต่เมื่อเหตุแห่งฝันร้ายมีอยู่ เราก็ต้องนอนหลับอย่างทุกข์ทรมานโดยไม่อาจขัดขืนจนกว่าจะตื่น ชีวิตหลังความตายก็เช่นกัน แม้เราเชื่อว่ามันไม่มีด้วยความทะนงตน หรือแม้เราภาวนาขออย่าให้มันมี หรือแม้เราสามารถรณรงค์ให้คนทั้งโลกเชื่อว่าชาติหน้าเป็นนิทานเหลวไหล แต่ขอเพียงมีเหตุให้มันมี อย่างไรมันก็ต้องมี
มันจะมีหรือไม่มี ทางที่ดีไม่ประมาทไว้ก่อน ดังที่พระพุทธองค์ทรงชี้ว่าถ้าเราทำดี แล้ว ย่อมเป็นสุขในปัจจุบัน และถ้าชาติหน้ามี ก็จะต้องไปดีด้วย เรียกว่าสำเร็จ ประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วยการเพียรละความชั่วและสั่งสมความดีเข้าไว้ จะเป็นประกันชั้นเลิศสุด (บทที่ ๘)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
คนเราจะกลัวตายในขณะกำลังลืมตาตื่นอยู่ในการมีชีวิตปกติเท่านั้น
… คนเราจะกลัวตายในขณะกำลังลืมตาตื่นอยู่ในการมีชีวิตปกติเท่านั้น แต่ขณะแห่งการตายจริงจะไม่หลงเหลือความกลัวตายอยู่เลย เพราะความรู้สึกนึกคิดจะไม่ใช่
อย่างนี้แล้ว จิตจะหมดความสำคัญมั่นหมายว่าเคยเป็นใคร ยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยแค่ไหน แต่หันไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นแทน นั่นคือชีวิตที่ผ่านมาได้ทำอะไรเด่น ๆ ไว้เป็นประจำบ้าง
การรับทราบว่าประสบการณ์ใกล้ตายเป็นอย่างไรอาจช่วยให้เตรียมตัวเตรียมใจได้ดี ขึ้น ข้อแรกคือระลึกเสียแต่เนิ่น ๆ ว่าความตายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หากปล่อยจิตปล่อย ใจมั่วซั่วไปเรื่อยก็อาจได้ตายแบบมั่วซั่วไม่รู้เหนือรู้ใต้ได้เช่นกัน ข้อสองคือรู้ตามจริง ว่าวาระใกล้ตายนั้นเราช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ขณะมีชีวิตสามารถตระเตรียมเสบียงไว้ ล่วงหน้า เพื่อความอุ่นใจและพร้อมเผชิญจุดวิกฤตสูงสุดในชาตินี้โดยไม่ต้องพะวง หลงกลัวอะไรอีกเมื่อวินาทีนั้นมาถึงเข้าจริง ๆ (บทที่ ๗)
ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)