วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย


เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา
จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...

เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย  ชูเหมือน



วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น



ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...

เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย  ชูเหมือน



วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย


เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา
ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...

เพลง ปล่อย  โดย อ้น ธวัชชัย   ชูเหมือน



วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา


ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..

เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน



วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เพลง ปล่อย โดย อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน




ปล่อย
อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน


ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าประไร
ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป
ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป
ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียด ใครจะสีก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป..

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย เอาอะไรมากมายในความอนัตตา
โลภไปทำไมช่วงชิงแข่งขัน สุดท้ายเหมือนกันต้องไปป่าช้า
จะเอาอะไรแค่รักโลภโกรธหลง ไม่มีความมั่นคงบนกิเลสตัณหา
เกิดแก่เจ็บตายใยจะไปยึดมั่น สรรพสังขารล้วนอนิจจา
ปล่อยวางมันเสีย ทุกโขติณณา...

ใครจะเมินใครจะมองใยจะต้องไหวหวั่น ใครจะใส่ร้ายกันใยจะต้องสนใจ
ใครจะดีใครจะเลวมันก็เรื่องของเขา ใครจะนินทาเราใยจะต้องทุกข์ใจ
ใครจะล้อใครจะด่าใยจะต้องว่าตอบ ใครไม่สนใครไม่ชอบใยจะต้องใส่ใจ
ใครจะคิดใส่ความใยจะต้องวุ่นจิต หากตัวเราไม่ผิดจะไปคิดทำไม...

เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกา
หมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้า
ชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมา
อันว่าความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมา
จะเอาอะไร...จะเอาอะไรกันนักหนา...

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คนเราสร้างกรงขังให้ตัวเองด้วยความไม่รู้


… คนเราสร้างกรงขังให้ตัวเองด้วยความไม่รู้ เมื่อรู้ว่าสร้างกรงขังแล้วจะต้องไปทุกข์ทรมานอึดอัดคับแคบอยู่ในกรงขังก็ย่อมเลิกสร้างกรงขัง ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อเป็นผู้รู้เรื่องกรรมวิบากอย่างแจ่มแจ้ง บุคคลย่อมไม่ทำกรรมอันเป็นไปเพื่อความเดือดร้อนของตนเองในภายภาคหน้า มีแต่จะเร่งรุดทำกรรมอันเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและคนที่รักรอบข้างแต่ถ่ายเดียว (บทที่ ๑๐)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน




วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คนทั้งหลายเป็นโรคหวงทุกข์ ชอบกักขังหน่วงเหนี่ยวทุกข์ไว้กับใจ



… คนทั้งหลายเป็นโรคหวงทุกข์ ชอบกักขังหน่วงเหนี่ยวทุกข์ไว้กับใจด้วยวิธีคิด พูดง่าย ๆ เป็นโรคคิดมากกัน วิธีหายจากโรคนี้ก็คือฉีดยาแห่งความจริงเข้าสู่ทุกอณูของจิตวิญญาณ ให้มีปัญญาประจักษ์แจ้งเต็มรอบ ว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วดับลงเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะของใหญ่หรือของย่อย ถึงหวงไว้มันก็จะดับ ถึงไม่หวงไว้มันก็ต้องดับอยู่วันยังค่ำ (บทที่ ๑๐)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน



วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมื่อเห็นความจริงในระดับของกรรมทางความคิดมากเข้า


… เมื่อเห็นความจริงในระดับของกรรมทางความคิดมากเข้า เราก็จะยิ่งเชื่อที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเดินทางไปเรื่อย ๆ ในสังสารวัฎนั้น ไม่มีทางหนีพ้นนรกไปได้ เพราะจิตคนพร้อมจะไหลลงต่ำ ความคิดอันเป็นอกุศล พร้อมจะปรากฏขึ้นชักจูงเราไปสู่อบายเสมอ (สรุปตติยบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน




วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรู้ทางโลกไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งค้นพบก็ยิ่งแตกแขนงล่อใจ


… ความรู้ทางโลกไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งค้นพบก็ยิ่งแตกแขนงล่อใจให้ค้นคว้าต่อมากขึ้นทุกที แต่ความรู้ทางธรรมนั้นมีที่สุด เพียงเลิกส่งใจออกไปใส่เรื่องข้างนอก แต่ค้นหาที่มาที่ไปของประสบการณ์ทั้งมวล ตั้งคำถามไว้ถูกเป้าใหญ่สุด ประพฤติปฏิบัติตรงทางอันจะนำไปสู่คำตอบอันจริงแท้ที่สุด นั่นแหละคือที่สุดทุกข์ นั่นแหละคือการไม่ต้องทำกิจอันใดเพิ่มเติมเพื่อความดับทุกข์อีก (สรุปตติยบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน




วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความไม่รู้ตามจริง ความไม่มีชัยภูมิให้จิตวิญญาณตั้งมั่นอย่างชัดเจน



… ความไม่รู้ตามจริง ความไม่มีชัยภูมิให้จิตวิญญาณตั้งมั่นอย่างชัดเจน ความหลงคลำทางกันเอาเองจนท้อแท้โรยแรง ล้วนเป็นเหตุให้คนเราถูกสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายกลืนกินอย่างง่ายดาย (บทที่ ๙)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าใครสามารถกล่าวมุสาได้โดยปราศจากความละอาย

Wallpaper rose, pink, flowers, beautiful, flower, basket, basket


… พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าใครสามารถกล่าวมุสาได้โดยปราศจากความละอาย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่มีบาปกรรมใดแม้แต่หนึ่งเดียวที่เขาจะทำไม่ลง
ความละอายจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด เป็นองค์ประกอบสำคัญสูงสุดในการถือ กำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ตราบใดยังมีความละอาย ไม่อยากทำบาป ไม่นึกสนุกติดใจใน กรรมชั่ว ก็เรียกว่าเขายังพอมีพื้นของความเป็นมนุษย์อยู่ แต่หากทำบาปได้แบบไม่ ต้องกะพริบตา เช่นพูดโกหกมดเท็จปั้นน้ำเป็นตัวได้คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ นั่น แหละคือเขาขาดองค์ประกอบพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
คนส่วนใหญ่มองว่าการโกหกเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องสามัญที่ทุกคนต้องทำ อาจจะโกหกนิด ๆ หรืออาจจะโกหกมาก ๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บีบคั้น ไม่ ตระหนักกันเลยว่าถ้าทำเป็นประจำจนชิน ในที่สุดก็จะหมดความละอาย และเมื่อใด หมดความละอายในการโป้ปดมดเท็จ เมื่อนั้นจิตวิญญาณจะด้านชาต่อบาป เหมือนมี อะไรมาบังตาไม่ให้เห็นตามจริงไปเสียหมด ที่ตามมาก็คือการทำบาปได้ไม่เลือก เพราะตัวมุสามันบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ขอให้เอาดีเข้าตัวได้เป็นพอ
หากถามตัวเองแล้วได้คำตอบว่าเราสามารถโกหกโดยไม่ละอาย ก็นับว่าคำถาม คำตอบนี้น่ากลัวยิ่ง เพราะเราไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่าตัวเองเผลอก่อบาปก่อกรรม หนัก ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์มานานแค่ไหน เมื่อไม่มีความละอายบาปอันเป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ก็แทบทำนายได้ว่าต้องหลุดร่วงจากสุคติภูมิแน่อยู่
แล้ว แต่นี่ไปก่อบาปก่อกรรมโดยไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมเข้าให้อีก มิแปลว่ามีสิทธิ์ถูก เหวี่ยงลงต่ำไปถึงพื้นนรกกันหรอกหรือ? (บทที่ ๙)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ถ้ารักตัวเองแล้ว ก็ไม่ควรก่อบาปทั้งปวง

Wallpaper rose, pink, flower, flowers, leaves, bench, bench, bench

… พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ถ้ารักตัวเองแล้ว ก็ไม่ควรก่อบาปทั้งปวง เพราะความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทำชั่วจะได้พบโดยง่าย เมื่อบุคคลถูกมรณะครอบงำ ละทิ้ง
ภพมนุษย์นี้ไป ก็มีอะไรเป็นสมบัติของเขาเล่า? เขาย่อมพาเอาอะไรไปด้วยเล่า? อะไรเล่าจะติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป? ผู้ที่มาเกิดแล้วจำจะต้องตายในโลกนี้ ไม่ว่าจะทำกรรมอันใดไว้ ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป บุญและบาปนั้นแลเป็นสมบัติของเขา เขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไป บุญและบาปนั้นย่อมติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตนไป ฉะนั้นทุกคนควรทำกรรมอันดีสะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก (สรุปทุติยบรรพ)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มีหลายสิ่งที่เราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง

Wallpaper rose, pink, flower, pink, white, flowers


… มีหลายสิ่งที่เราไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงมาชั่วกัปชั่วกัลป์ ดังเช่นหลายคืนเราไม่อยากตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย แต่เมื่อเหตุแห่งฝันร้ายมีอยู่ เราก็ต้องนอนหลับอย่างทุกข์ทรมานโดยไม่อาจขัดขืนจนกว่าจะตื่น ชีวิตหลังความตายก็เช่นกัน แม้เราเชื่อว่ามันไม่มีด้วยความทะนงตน หรือแม้เราภาวนาขออย่าให้มันมี หรือแม้เราสามารถรณรงค์ให้คนทั้งโลกเชื่อว่าชาติหน้าเป็นนิทานเหลวไหล แต่ขอเพียงมีเหตุให้มันมี อย่างไรมันก็ต้องมี
มันจะมีหรือไม่มี ทางที่ดีไม่ประมาทไว้ก่อน ดังที่พระพุทธองค์ทรงชี้ว่าถ้าเราทำดี แล้ว ย่อมเป็นสุขในปัจจุบัน และถ้าชาติหน้ามี ก็จะต้องไปดีด้วย เรียกว่าสำเร็จ ประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วยการเพียรละความชั่วและสั่งสมความดีเข้าไว้ จะเป็นประกันชั้นเลิศสุด (บทที่ ๘)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คนเราจะกลัวตายในขณะกำลังลืมตาตื่นอยู่ในการมีชีวิตปกติเท่านั้น


… คนเราจะกลัวตายในขณะกำลังลืมตาตื่นอยู่ในการมีชีวิตปกติเท่านั้น แต่ขณะแห่งการตายจริงจะไม่หลงเหลือความกลัวตายอยู่เลย เพราะความรู้สึกนึกคิดจะไม่ใช่
อย่างนี้แล้ว จิตจะหมดความสำคัญมั่นหมายว่าเคยเป็นใคร ยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยแค่ไหน แต่หันไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นแทน นั่นคือชีวิตที่ผ่านมาได้ทำอะไรเด่น ๆ ไว้เป็นประจำบ้าง
การรับทราบว่าประสบการณ์ใกล้ตายเป็นอย่างไรอาจช่วยให้เตรียมตัวเตรียมใจได้ดี ขึ้น ข้อแรกคือระลึกเสียแต่เนิ่น ๆ ว่าความตายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หากปล่อยจิตปล่อย ใจมั่วซั่วไปเรื่อยก็อาจได้ตายแบบมั่วซั่วไม่รู้เหนือรู้ใต้ได้เช่นกัน ข้อสองคือรู้ตามจริง ว่าวาระใกล้ตายนั้นเราช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ขณะมีชีวิตสามารถตระเตรียมเสบียงไว้ ล่วงหน้า เพื่อความอุ่นใจและพร้อมเผชิญจุดวิกฤตสูงสุดในชาตินี้โดยไม่ต้องพะวง หลงกลัวอะไรอีกเมื่อวินาทีนั้นมาถึงเข้าจริง ๆ (บทที่ ๗)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน




วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แท้จริงกายใจเป็นธรรมชาติที่เกิดดับอย่างมีเหตุมีผล


… แท้จริงกายใจเป็นธรรมชาติที่เกิดดับอย่างมีเหตุมีผล เหตุคือใช้กายใจในปัจจุบันก่อกรรมดีร้ายเอาไว้ ผลคือจะมีกายใจในอนาคตที่หยาบหรือประณีตปรากฏขึ้นอย่างเหมาะสมกับกรรมเก่า ฉะนั้นทุกอย่างจึงเป็นของชั่วคราว กายไม่เที่ยง เปลี่ยนจากเด็กเป็นแก่ในชั่วเวลาไม่กี่สิบปี จิตก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่ดวงอมตะที่ล่องลอยไปเรื่อย เปลี่ยนสภาพจากกุศลเป็นอกุศลบ้าง เปลี่ยนสภาพจากรู้สิ่งหนึ่งไปรู้อีกสิ่งหนึ่งบ้างตลอดวันตลอดคืน
พูดอีกแบบหนึ่ง คือความจริงแล้วมีการดับของขันธ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องไปทำ ให้มันดับมันก็ดับไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีวันหยุดราชการ แต่การ ‘ดับขันธปริ นิพพาน’ นั้นหมายความว่าเมื่อดับครั้งสุดท้ายแล้วไม่มีการเคลื่อน ไม่มีการสืบ ต่อภพ ไม่มีการสืบต่อกรรมวิบากใด ๆ อีก พูดโดยย่นย่อคือไม่ต้องเสวยทุกข์ด้วย อาการใด ๆ อีกเลยชั่วนิรันดร์ เพราะดับสนิทแล้ว ปราศจากภัยแล้ว ถึงนิพพาน อันเป็นฝั่งแห่งการหยุดสนิทถาวรแล้ว (บทที่ ๗)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความรู้ตัวว่าติดกลุ่มเสี่ยงต่อมรณภัยรูปแบบไหน



… ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความรู้ตัวว่าติดกลุ่มเสี่ยงต่อมรณภัยรูปแบบไหน แต่ทุกคนสามารถเลิกประมาทได้เท่าเทียมกัน หันมาตระหนักว่าเราตายได้ทุกเมื่อ และการเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมอยู่เสมอเป็นนโยบายที่ฉลาดของคนไม่ประมาทกับชีวิต (บทที่ ๗)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความตายคือจังหวะที่นาฬิกาชีวิตเดินไปจนสุดลาน




… ความตายคือจังหวะที่นาฬิกาชีวิตเดินไปจนสุดลาน แต่ละคนถูกไขลานไว้ต่างกันโดยกรรม กล่าวคือบางรายต่อให้บำรุงดีขนาดไหน ใช้การแพทย์เข้าช่วยเพียงใด อย่างไรก็ต้องไปในวัยเยาว์ ส่วนบางคนไม่ค่อยระวังเนื้อระวังตัว มัวเมากับสิ่งเสพย์ติดค่อนข้างมากด้วยซ้ำ กลับอยู่ได้ถึง ๘๐ ก็มาก
การส่งเสียงเตือนในช่วงเวลาสุดท้ายของนาฬิกาชีวิตก็ไม่เหมือนกัน บางคนถูก เตือนอย่างหนักหน่วง รุนแรง และถี่บ่อย กระทั่งเจ้าตัวรู้สึกออกมาจากข้างในได้
ว่าไม่น่าจะเกินเมื่อนั่นเมื่อนี่ แต่บางคนก็ไม่มีเค้าไม่มีเงา ไม่มีการเตือนแรง ๆ แต่ อย่างใด จู่ ๆ ปุบปับก็ส่งเสียงกริ๊งสุดท้ายขึ้นมาเฉย ๆ โดยไม่ทันสั่งเสียกับ ครอบครัว อันนี้ก็สุดแท้แต่กรรมเก่ากรรมใหม่มาบวกกันแล้วต้องมีอันเป็นไป ตามนั้น (บทที่ ๗)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บางคนคิดว่าสิ่งที่เราไม่รู้อย่างที่สุดในชีวิตก็คือเรื่องเกี่ยวกับการตายของตัวเอง



… บางคนคิดว่าสิ่งที่เราไม่รู้อย่างที่สุดในชีวิตก็คือเรื่องเกี่ยวกับการตายของตัวเอง เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วยุติ จะตายวันไหน ตายอย่างไร และตายในสถานที่แบบใด วันนั้นจะมีอยู่เพียงวันเดียว เป็นประสบการณ์หนเดียว พูดง่าย ๆ ว่าการตายคือการยุติ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องไปคำนึงถึงล่วงหน้าให้เสียเวลาเปล่า
แต่แท้จริงสิ่งที่เราไม่รู้ยังมีมากไปกว่านั้น ชนิดที่ทำให้ความไม่รู้เรื่องความตาย กลายเป็นเรื่องจ้อยไปเลย นั่นคือความจริงเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย หากหลังความ ตายมีรูปแบบการมีชีวิตอยู่จริง ก็นับเป็นเรื่องน่าพะวงกว่าความตายมากนัก เพราะ กระบวนการตายอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที แต่หลังจากนั้นเราจะต้องทนอยู่กับความ จริงที่เหลืออีกนานเพียงใดไม่อาจทราบได้
หากมองด้วยความเชื่อว่าหลังความตายมีภพภูมิใหม่รอต้อนรับเราอยู่ มุมมอง เกี่ยวกับขณะแห่งความตายก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ การตายเป็นการ สอบครั้งเดียวที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกรอบ (ทุติยบรรพ)


ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ถ้ามองในแง่ที่ว่าทุกคนต้องเป็นผู้เสวยผลกรรมของตน


… ถ้ามองในแง่ที่ว่าทุกคนต้องเป็นผู้เสวยผลกรรมของตน ก็แปลว่าเราทำอะไรลงไปเท่าไหร่ ก็คือลงทุนให้ตัวเองได้รับกำไรหรือความขาดทุนเท่านั้น ต่อให้เราเสียสละ
เพื่อผลประโยชน์ของคนอื่นตลอดทั้งชีวิต ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่น เราจะเป็นผู้เสวยรางวัลแห่งการเสียสละนั้นเอง และในทางตรงข้าม แม้เราจะรู้สึกเหมือนเอารัดเอาเปรียบผู้คน กอบโกยผลประโยชน์มาได้ทั้งชีวิต ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่น เราจะเป็นผู้เสวยโทษทัณฑ์จากการเป็นผู้เอารัดเอาเปรียบนั้นเอง (ทุติยบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน



วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมื่อศรัทธาและมีปัญญาเห็นแจ้งในเรื่องกรรมวิบาก



… เมื่อศรัทธาและมีปัญญาเห็นแจ้งในเรื่องกรรมวิบาก ต่อไปหากน้อยใจวาสนา เราจะไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเอง และหากจะขอบคุณชะตาชีวิต เราจะไม่สรรเสริญใครเลยนอกจากตัวเองเช่นกัน (สรุปปฐมบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรามาสู่ความเป็นอย่างนี้ ก็เพราะทำกรรมไว้เหมาะกับการมาเกิดในท้องแม่คนนี้


… เรามาสู่ความเป็นอย่างนี้ ก็เพราะทำกรรมไว้เหมาะกับการมาเกิดในท้องแม่คนนี้ ไม่มีความบังเอิญ ไม่มีการผิดฝาผิดตัว ไม่มีการลำเอียงเลือกส่งด้วยรักหรือด้วยชังจากใครคนใดคนหนึ่งทั้งสิ้น กรรมเก่าของเราเองเป็นผู้ดูแลจัดสรร (สรุปปฐมบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน




วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมื่อสั่งสมบาปบุญมาถึงไหน



เมื่อสั่งสมบาปบุญมาถึงไหน วิบากกรรมก็เลือกให้มาเกิดในที่เหมาะควรทุกประการ ทั้งเครือพันธุ์ที่จะสืบทอดความงามหรือความอัปลักษณ์ ทั้งวงศ์ตระกูลที่จะมอบมรดกเป็นทรัพย์สินอลังการหรือหนี้สินจมธรณี ทั้งพันธุกรรมที่จะแสดงความปราดเปรื่องหรือความเบาปัญญา จะมีท้องแม่อยู่ท้องหนึ่งที่เหมาะเป็นถิ่นอาศัยของวิญญาณอันทรงไว้ด้วยบาปบุญต่างๆเสมอ (สรุปปฐมบรรพ)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ด้วยความไม่รู้ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียว



… ด้วยความไม่รู้ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียว ความไม่รู้ที่ฝังแน่นนี้ทำให้เราคิดจะเอา ๆ ท่าเดียว เมื่อพบพุทธศาสนาแล้ว ทราบเบาะแสของความอัตคัดขัดสนแล้ว ก็สมควรเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเสียใหม่ ไม่ต้องถึงขนาดจะให้ ๆ ท่าเดียว แต่ให้บ้างเพื่อเป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัวต่อไปก็ยังดี 
(บทที่ ๕)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อายุคนนั้นสั้น เก็บของไว้กับกายได้เดี๋ยวเดียว



… อายุคนนั้นสั้น เก็บของไว้กับกายได้เดี๋ยวเดียว แต่ถ้าฉลาดในการเดินทางไกล แจกสิ่งที่มีเป็นส่วนเกินให้กับคนอื่นไป กระแสทานจะเป็นกระแสธารที่โอบอุ้มเราแบบไม่ร้อยรัด และพัดพาเราไปบนเส้นทางที่เยือกเย็น มั่งมีศรีสุขยืดยาวเกินอายุของกายนี้ไปมาก (บทที่ ๕)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เบื้องหลังความรวยความจนไม่ใช่เกิดจากความบังเอิญเกิดที่นั่นที่นี่



… เบื้องหลังความรวยความจนไม่ใช่เกิดจากความบังเอิญเกิดที่นั่นที่นี่ แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นผู้จำแนกชั้นวรรณะ และความร่ำรวยก็บันดาลขึ้นจากความสว่างของ ‘ทานจิต’ และ ‘ศีลจิต’ เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกเหนือกว่านี้ (บทที่ ๕)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน


วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เราควรมองให้เห็นว่าบุญนั้นเรียงรายให้หยิบฉวยอยู่ตลอดวันตลอดคืน



เราควรมองให้เห็นว่าบุญนั้นเรียงรายให้หยิบฉวยอยู่ตลอดวันตลอดคืน ไม่ควรดูดายว่าเป็นของเสียเวลาเปล่า ไม่ควรเห็นโอกาสใด ๆ เป็นเพียงของเล็ก และไม่ควรดูเบาว่าการทำบุญเล็ก ๆ นั้นไม่สมศักดิ์ศรี ขอเพียงรู้ทางมาแห่งบุญ เป็นผู้เต็มใจกระทำกิจอันเป็นบุญด้วยความร่าเริง ในที่สุดย่อมเหมือนหยอดกระปุกทีละสิบยี่สิบ รวมไปรวมมาเป็นปี ๆ อาจได้นับหมื่น เหนือกว่าพวกเก็บทีละร้อยทีละพันแบบนานทีปีหนเสียอีก (บทที่ ๕)

ดังตฤณ : เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน